Ficool

Chapter 26 - 26 After The Fall

26 

"ทำใจดีๆ ไว้นะภีร์ พลเขาไปดีแล้ว ไปสวรรค์แล้ว หมดทุกข์หมดโศกเสียที" อิศราบีบไหล่ภีรวัสซึ่งยืนก้มหน้าอยู่เชิงบันไดของโรงพยาบาลเล็กๆ ในค่ายทหาร พยายามปลอบเพื่อน "เขาคงไม่อาฆาตนายหรอก"

 "ปากไม่ดี" ภีรวัสเงยหน้าขึ้นมาทำตาดุใส่เพื่อน "ยังจะมีหน้ามาล้อเล่นอีก"

 "แล้วจริงหรือเปล่าล่ะ" อิศราตอบ "ถามจริงๆ เถอะ นายเสียใจมากแค่ไหนที่พลจากไป"

 "เสียใจสิอิศ ถึงเราไม่ได้รักพลสุดหัวใจ แต่คนที่รู้จักตายทั้งคน เราก็เสียใจสิ เราก็มีหัวใจเหมือนกันนะ" ภีรวัสพูดเสียงเศร้า

 "นึกว่าเราสองคนไม่มีหัวใจ" อิศราพูดสั้นๆ แล้วหันไปมองร่างสูงสง่าในชุดเครื่องแบบของพันโทวรุฒม์ซึ่งกำลังเดินมาหาช้าๆ

 "แล้วผู้พันวรุฒม์รูปหล่อจะมีหัวใจหรือเปล่าน๊า ถ้ามี หัวใจเขาจะมอบให้ใคร อิศราหรือภีรวัส" อิศราพึมพำ ภีรวัสหันไปมองตามอิศราแล้วรีบปรับสีหน้า

 วรุฒม์แสดงความเสียใจกับภีรวัสและเล่าเหตุมาณ์ที่พรากชีวิตของพลให้สองหนุ่มฟังอย่างคร่าวๆ พร้อมตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเพื่อนได้

 "ถ้าผมไปถึงเร็วกว่านั้นอีกซักหน่อย ก็อาจช่ายพลได้"

 "ไหนว่าเป็นแค่การฝึกปฏิบัติการทางทหารไงครับ ไม่ใช่การซ้อมรบเต็มรูปแบบ ทำไมต้องมีการลาดตระเวนด้วย" ภีรวัสถาม

 "อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ" วรุฒม์ตอบ "ทหารเป็นรั้วของชาติ เรื่องแบบนี้เลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญ เราอยู่ติดชายแดนไทย-พม่า โอกาสเจอกับสถานการณ์แบบนี้ยิ่งมีเยอะ" วรุฒม์อธิบาย

 "พวกทหารพม่ากล้าทำถึงขนาดนี้หรือ ใจกล้าสู้กับทหารไทยจนฆ่ากันตายขนาดนี้หรือ เขาไม่กลัวกระทบความสัมพันธ์ทางการฑูตกับไทยหรือไง" ภีรวัสพึมพำเบาๆ

 "ไม่ใช่ทหารพม่าครับ พวกนี้เป็นกบฎต่อต้านรัฐบาล หนีการสู้รบกับทหารพม่า เราพยายามผลักดันให้ออกไป แต่ยังไงไม่รู้เกิดการปะทะกัน พลเป็นด่านหน้า เจอกับพวกนั้นก่อน แล้วอีกอย่าง พลคุมทหารหมู่เล็กๆ ก็เลยโดนหนัก แล้วก็ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่เพราะเป็นเสนาธิการทหาร ทำงานอยู่แต่ในกระทรวง" วรุฒม์ถอนหายใจ น้ำเสียงเศร้าสร้อยเมื่อพูดถึงเพื่อนผู้ล่วงลับ

 "เขาพูดอะไรถึงผมก่อนตายหรือเปล่าครับ" ภีรวัสถามเสียงเบา วรุฒม์ส่ายหน้าแล้วบอกว่าเมื่อไปถึงพลก็เสียชีวิตแล้ว เขาจึงพยายามนำศพพลกับทหารอีกสองนายออกมาจากพื้นที่สู้รบ

 "ผู้พันก็บาดเจ็บ" อิศรามองต้นแขนของวรุฒม์ที่พันผ้าพันแผลสีขาว รู้สึกอยากจะยื่นมือไปแตะ

 "ผมเจ็บนิดหน่อย แค่โดนยิงถากๆ" วรุฒม์ตอบ

 "แต่พลตาย" ภีรวัสเสียงสั่น พูดเบาๆ กับตัวเอง แต่เขาคิดว่าวรุฒม์ได้ยิน

 "คุณห่วงพลมากนะครับ" วรุฒม์พูดเสียงเรียบ ใบหน้าเคร่งขรึม ภีรวัสมัวแต่ก้มหน้ามองพื้นจึงไม่เห็นว่าใบหน้าคร้ามเข้มของวรุฒม์นั้นเคร่งเครียด กรามขบกันจนขึ้นเป็นสันนูน ดวงตาคมกริบคู่นั้นฉายแววกร้าวปนเศร้า

 วรุฒม์บอกว่าศพของพลจะถูกนำกลับเข้ากรุงเทพฯ เลย และตัวเองกับวิษณุจะเดินทางไปด้วยพร้อมกับท่านผู้บัญชาการทหารบก คุณพ่อของพลที่กำลังดูศพลูกชายอยู่

 "ตอนนี้พ่อของพลกับญาติผู้ใหญ่กำลังดูศพอยู่ อีกซักหน่อยคุณภีรวัสก็เข้าไปได้ครับ ผมจะพาเข้าไป"

 ภีรวัสปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่กล้าและไม่อยากจะจดจำพลในสภาพเช่นนั้น

 "ผมเข้าใจ" วรุฒ์ตอบสั้นๆ แล้วขอตัวกลับเข้าไปในโรงพยาบาล ทิ้งให้สองหนุ่มยืนอยู่ด้วยกันอย่างเศร้าๆ

 "สงสารพลจังเลย" อิศราถอนหายใจ "จะไปทั้งที เขาน่าจะได้พูดอะกับภีร์บ้างนะ เรารู้ว่าเขารักภีร์มาก"

 ...ผมจะรักคุณจนวันตาย คำพูดประโยคสุดท้ายที่พลพูดกับเขายังดังก้องอยู่ในหูอย่างชัดเจน...

 "ต่อจากนี้เราก็ไม่ต้องกลัวว่าพลจะเปิดเผยเรื่องราวในอดีตให้ผู้พันวรุฒม์รู้" ภีรวัสพูดด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย ตาเหม่อมองออกไปยังลานจอดรถหน้าโรงพยาบาลแล้วน้ำตาก็เริ่มไหล

 "ไอ้บ้า" อิศราหันขวับมาดุเพื่อน "คิดแบบนี้ได้ยังไง"

 ...เขารู้สึกผิด รู้สึกผิดจริงๆ แวบหนึ่งเขาคิดอย่างที่พูดออกไปเมื่อครู่ แต่ก็เพียงวินาทีเดียวเท่านั้น...

 ...หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็ไม่ได้อยากจะให้พลเสียชีวิตหรอก ใครจะไปกล้าคิดแบบนั้นได้ เรื่องเปิดเผยอดีตหรือไม่ จะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก ยังไงเขากับวรุฒม์หรือวิษณุก็คงไม่ได้ลงเอยกัน ท้ายที่สุด อิศรากับเขาก็คงหาใครคนใหม่เป็นเหยื่อเล่นเกมสนุกสนานไร้สาระเกมนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ...

 ...สนุกสนาน ไร้สาระอย่างนั้นหรือ บ้าจริงๆ ตอนนี้ชักเริ่มไม่สนุกแล้วนะอิศรา แต่ไร้สาระนั่นน่ะใช่...

 ...ไร้สาระจริงๆ แย่จริงๆ แย่มาก...

 ภีรวัสเก็บอุปกรณ์การทดลองสำหรับงานวิจัยแล้วเดินออกมายังถนนใหญ่เพื่อรอรถกลับที่พัก แต่ไม่นานก็เห็นรถทหารสีเขียววิ่งมาแต่ไกล ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าเป็นวรุฒม์ นายทหารบอกว่าตั้งใจมาหาภีรวัสเพื่อจะถามว่าจะเข้ากรุงเทพฯ พร้อมกับเขาและวิษณุหรือไม่

 "อย่าเลยครับ ผมขอไปเคารพศพที่วัดวันเผาเลยดีกว่า ถ้าเดินทางไปพร้อมกัน ครอบครัวพลจะสงสัยว่าผมเป็นใคร" ภีรวัสส่ายหน้า

 "ไม่มีพีธีเผาศพหรอกครับ" วรุฒม์ตอบ "พลเป็นคริสต์ มีพิธีฝังศพที่สุสานตอนบ่ายวันเสาร์"

 ภีรวัสพยักหน้ารับรูแล้วยกอุปกรณ์การวิจัยขึ้นวางบนเบาะหลังรถของวรุฒม์ นายทหารหนุ่มคว้ากระเป๋าของภีรวัสขึ้นมาถือแล้วรอจนชายหนุ่มจัดของเสร็จจึงยื่นกระเป๋าให้ พร้อมกับพูดว่า

 "ผมนึกว่าคุณสนิทกับพลมาก"

 "จนต้องรู้ว่าเขานับถือศาสนาคริสต์หรือครับ" ภีรวัสถามเสียงเบา แต่ไม่รอฟังคำตอบจากวรุฒม์ ชายหนุ่มเดินอ้อมด้านหลังของรถไปยังที่นั่งอีกด้าน แล้วขึ้นนั่งบนรถ รอให้วรุฒม์ขึ้นประจำที่คนขับ วรุฒม์เลิกพูดเกี่ยวกับเรื่องของพล แต่เปลี่ยนมาถามเรื่องการทำวิจัยของภีรวัสแทน

 "งานไปได้เร็วกว่าที่คิดครับ ผมอาจทำเสร็จก่อนเวลาที่วางแผนเอาไว้" ภีรวัสตอบพร้อมกับยิ้มบางๆ

 "แล้วจะกลับกรุงเทพฯ เลยใช่หรือเปล่าครับ"

 ภีรวัสพยักหน้า วรุฒม์จึงพูดต่อว่า "ผมคงต้องอยู่ทำงานที่นี่ต่ออีกซักระยะ จนกว่าเขาจะหาคนมาแทนพลได้ แต่ถ้าได้ย้ายกลับกรุงเทพฯ คงมีโอกาสได้เจอคุณภีรวัสอีก"

 "ผมคงต้องเดินทางบ่อยๆ ครับ โปรเจ็คหน้าอาจได้ไปทำวิจัยที่ต่างประเทศ เผลอๆ อาจจะเป็นกลางป่าที่ไหนบนเกาะเล็กๆ ของอินโดนีเซีย"

 "ขนาดนั้นเลยหรือครับ แย่จัง" วรุฒม์อุทาน

 "ดีต่างหาก" ภีรวัสแย้ง "ผมได้ทุนทำวิจัย มีงานทำ จะเรียกว่าแย่ได้ยังไง ผู้พันอยากให้ผมตกงาน ไม่มีอะไรทำหรือครับ"

 "ไม่ครับ" วรุฒม์ส่ายหน้า ยิ้มมุมปาก มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของภีรวัสแล้วเงียบไป เพราะอีกฝ่ายพูดเสร็จก็นั่งนิ่ง มองข้างทางอย่างสนใจ

 แต่ในใจของนายทหารหนุ่มพูดต่อว่า...ไม่ครับ ผมไม่ปล่อยให้คุณอยู่ว่างๆ หรอก คุณกับเพื่อนต้องมีอะไรสนุกๆ ทำแน่...

***

Translation (Draft)

More Chapters