อิศราตื่นแต่เช้า แล้วเดินไปเปิดประตูห้องนอนของภีรวัส โผล่หน้าเข้าไปดูว่าเพื่อนตื่นหรือยัง ปกติเขาตื่นสายกว่าภีรวัส แต่วันนี้ตั้งใจตื่นแต่เช้าเพราะอยากถามเพื่อนเรื่องการออกเดทกับพลเมื่อคืน
"ว่าไง ภีร์ หายไปทั้งคืน เสียตัวไปเรียบร้อยแล้วสิ" อิศราหัวเราะ ภีรวัสนอนคุมโปงอยู่บนเตียง เขารู้ว่าเพื่อนตื่นแล้ว ภีรวัสไม่เคยตื่นสาย และยิ่งคุมโปงก็แสดงว่ากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะลุกขึ้นมาดีหรือไม่
"เปล่า เมื่อคืนเขามาส่งตอนตีหนึ่ง" ภีรวัสเสียงอู้อี้ "ถ้าอยากจะรู้มากทำไมรีบนอน ทำไมไม่นั่งคอยฟังตั้งแต่เมื่อคืน"
"ได้ผลหรือเปล่า" อิศราเดินเข้ามานั่งข้างเตียง
"ได้ผลอะไร"
"อ้าว ก็ปิดปากท่านนายพลไง" อิศราทำตาโต "กำจัดผู้พันพลไม่ให้มาทำลายการแข่งขันทัวร์นาเมนท์เกมพิชิตรัก ด ทหารรูปหล่อของเรา"
"อะไรนะ ท ทหารไม่ใช่หรือ" ภีรวัสหันหน้ามามองอิศราที่นั่งทำหน้ายิ้มๆ ตาฝันเฟื่อง
"ด ทหาร ไม่เข้าใจหรือไง แกนี่สมองช้าจริงๆ" อิศราตำหนิภีรวัส
"อ๋อ..." ภีรวัสเข้าใจทันใดในเสี้ยววินาที "ฉลาดเล่นคำกับเขาเป็นเหมือนกันนะ"
"มั่นใจได้แค่ไหนวะ ว่าท่านนายพลจะไม่มาทำให้การแข่งขันพังพินาศ" อิศรายังทำหน้าสงสัย "เราละกลัวจริงๆ เรากะจะพิชิตผู้พันวรุฒม์ให้ได้ภายในอาทิตย์หน้า"
"อยากชนะมากหรือไง เรามีเวลาหนึ่งเดือน อาทิตย์หน้าเข้าอาทิตย์ที่สาม แน่ใจหรือว่าจะทำได้ ไม่เห็นหรือว่าผู้พันวรุฒม์นิ่งจะตาย" ภีรวัสเตือน
"ไม่ได้หรอก ปล่อยไว้นานเดี๋ยวจะช้ำ ต้องกินตอนที่สดๆ" อิศราเปรียบเปรย "ได้ข่าวว่า..."
"ข่าวอะไร"
อิศราถอนหายใจ "ที่ท่านนายพลมานี่ก็เพราะมารับงานต่อจากผู้พันวรุฒม์นะสิ ผู้พันของเราจะย้ายกลับกรุงเทพฯ แล้ว เซ็งจริงๆ"
ภีรวัสนิ่ง สมองเริ่มคิดว่าจะทำอย่างไรดี สิ้นเดือนอิศราก็กลับกรุงเทพฯ เขาต้องอยู่ต่ออีกหนึ่งเดือน พลก็ย้ายมาอยู่ที่นี่และก็คงไม่ยอมปล่อยให้เขาอยู่เฉยๆ แน่นอน ส่วนอิศราเมื่อกลับกรุงเทพฯ แล้วก็คงไม่ปล่อยผู้พันวรุฒม์เช่นกัน เมื่อครู่เขาเป็นประกายตาบางอย่างของอิศราดังจะบอกว่า คราวนี้ เพื่อนของเขาคงเตรียมตัวแหกกฎ หากควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้
...กฎข้อที่ว่า "หลอกให้รักแล้วหักอก และห้ามกลับไปคบกับคนที่ทิ้งไปแล้วโดยเด็ดขาด"
วรุฒม์ยืนมองพลอยู่เป็นเวลานานแล้วจึงเดินเข้ามา มือแตะไหล่อีกฝ่ายให้ตื่นจากภวังค์
"กำลังคิดว่าควรจะย้ายมาอยู่ที่นี่ดีหรือไม่ดีงั้นหรือพล" วรุฒม์ถามเพื่อนยิ้มๆ
"เลือกได้ที่ไหน" พลส่ายหน้า "เป็นลูกคนใหญ่คนโตก็ใช่ว่าจะดีนะ ถูกบีบจนใจจะขาดอยู่แล้ว"
"เป็นผู้บัญชาการกองพันฯ ใครบ้างไม่ชอบ"
"นายก็รู้ว่าเราชอบอยู่ในกระทรวงฯ ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงส่งเรามาไกลถึงขนาดนี้" พลถอนหายใจ
"หาประสบการณ์มั๊ง" วรุฒม์หัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึง 'ปูมหลัง' ของเหตุการณ์โยกย้าย
"พ่อแกล้งเรามากกว่า พ่อตั้งใจจะให้เราออกห่างจาก..." พลถอนหายใจแล้วเลิกพูด เปลี่ยนมาถามวรุฒม์เรื่องใหม่
"รุฒม์ ขอถามอะไรอย่าง นายคิดว่าไง ถ้าสมมุติว่านายเจอคนที่นายรัก แต่เขาไม่รักนาย"
"รักเขาข้างเดียว" วรุฒม์หรี่ตาใช้ความคิด แต่กลับถามพลแทนที่จะตอบคำถาม "ตกลงนายรักเขาข้างเดียวหรือเขารักนายข้างเดียว ผู้บัญชาการทหารบกถึงได้ส่งลูกชายคนเล็กมาไกลถึงเพียงนี้"
"โธ่ ไม่ใช่เรื่องนั้นซักหน่อย นั่นมันเรื่องไร้สาระ" พลส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ "โอ๊ย เรื่องนั้นไม่อยากจะพูด"
วรุฒม์หัวเราะ เขารู้เรื่องของเพื่อนดี "พ่อนายทำถูกแล้วล่ะ ปัญหาของนายมันค่อนข้างละเอียดอ่อน ออกมาไกลจากเขาก็ดี พ่อนายจะได้จัดการอะไรๆ ได้ง่ายขึ้น"
พลถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่หน้าบ้านพักของวรุฒม์ ตาเหม่อหมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย
"ไม่ใช่เรื่องนั้น" พลแย้ง "เรื่องอื่น"
"เรื่องอะไร เล่าให้เราฟังสิ" วรุฒม์ถาม
"เรายังบอกไม่ได้ เราแค่ถามความเห็นนาย"
วรุฒม์มองเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันอย่างครุ่นคิดก่อนจะตอบว่า "รักเขาข้างเดียวมันทรมานนะพล ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องพยายามเลี่ยงเหมือนกัน"
"นายยังจะรักเขาหรือเปล่า ทั้งๆ ที่เขาก็ทำกับนายไว้เจ็บแสบ"
"สรุปแล้ว ตอนนี้นายกำลังรักใครบางคนแต่เขาไม่รักตอบ หนำซ้ำยังทำให้นายเจ็บ" วรุฒม์สรุป "มิน่า ตอนปลายปีที่หายๆ ไปก็เพราะอย่างนี้ใช่ไหม ไม่เล่าให้กันฟังเลยนะ"
"เรื่องมันน่าอาย ใครจะกล้าเล่า" พลเหยียดปาก "อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่เคยนึกเลยนะรุฒม์ ทันทีที่เราบอกรักเขา ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ทิ้งเราเลย หายหน้าไปเฉย ๆ ตัดเยื่อไม่เหลือใยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้รักกับเราอย่างดูดดื่ม เขาเป็นอะไรของเขาก็ไม่รู้ เราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วตอนนี้ก็มาบอกเราว่าไม่พร้อม ร้ายกาจจริง ๆ แต่เราก็ยังรักเขาอยู่ ไม่รู้ว่าทำไม"
"ใจคนมันสลับซับซ้อน นายมาคิดวิเคราะห์มันให้กระจ่างชัดภายในวันสองวันหรือเดือนสองเดือนไม่ได้หรอก ตอนนี้ไปนอนก่อนเถอะ วันหลังค่อยคิดต่อ" วรุฒม์ปลอบเพื่อน ชักจะรู้สึกว่าพลอาการหนักกว่าที่คิด ปกติพลเป็นคนร่าเริง แต่สังเกตว่า เจอพลคราวนี้ เพื่อนเปลี่ยนไปมาก
"ใช่ เราไม่เข้าใจเขาจริง ๆ เขาซับซ้อนจริง ๆ" พลเสียงทุ้มต่ำ พยายามเก็บกดอารมณ์
"เอาเถอะ อีกหน่อยนายก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง เวลามันก็น่าจะช่วยได้ อยู่ที่นี่เงียบสงบ แต่อย่าปล่อยให้ใจฟุ้งซ่านมากนักก็แล้วกัน เบื่อก็ชวนวิษณุไปหาอะไรทำ แต่ว่ารายนั้นช่วงนี้ก็ไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เขากำลังยุ่งเพราะไปชอบคนน่ารักสองคนพร้อมๆ กัน ตัดสินใจเลือกใครไม่ได้เหมือนเคย"
พลยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า "อย่าให้เป็นเหมือนเราก็แล้วกัน เตือน ๆ วิษณุไว้ด้วย นายเองก็เถอะ"
วรุฒม์มองพลนิ่งอยู่ชั่วครู่ ในใจรู้สึกสงสัยว่าพลหมายความว่าอย่างไร ทำไมจะต้องระวัง
...หรือบางทีพลแค่จะเตือนเพื่อนเพราะตัวเองอกหักมาก่อน...
...เขาไม่เคยอกหักเพราะไม่เคยรักใคร อย่างน้อยก็ไม่มีความสัมพันธ์กับใครจริงจังพอที่จะทำให้เสียใจได้เมื่อเลิกคบกัน...
...เวลาอกหักนี่ มันเสียใจมากเพียงใดกันนะ...
...เวลาผิดหวังในความรัก มันเจ็บปวดแค่ไหน ทำไมพลถึงดูเศร้าได้ถึงเพียงนี้ แล้วใครทำให้เพื่อนเขาเสียใจ...
***
Translation (Draft)
Chapter 19: Morning Confessions