Ficool

Chapter 7 - 7

7 วรุฒม์เชิญอิศราขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบ้านพักของสองหนุ่ม นายทหารใช้ความเร็วปานกลาง ไม่นานก็เลี้ยวรถเข้ากรมทหาร อิศราหันไปมองรอบๆ อย่างตื่นเต้น สายตาสอดส่ายหาอาหารตา

...ทหารทั้งนั้นเลย เท่ๆ แมนๆ ลานตาไปหมด มิน่า ใครๆ ถึงได้ชอบคนในเครื่องแบบ...

 “บ้านพักผมอยู่หลังค่ายครับ เข้าไปอีกไกลพอสมควร” วรุตม์พูดเสียงนุ่มนวล “แต่ผมขอแวะกองพันก่อน ไม่นานหรอกครับ ไม่กี่นาที”

 “เชิญตามสบายครับ ผมจะนั่งรอที่รถก็ได้” อิศราหันไปมองตามมือของวรุฒม์ที่ชี้ไปยังอาคารข้างหน้า พลันสายตาก็เห็นทหารร่างสูงคนหนึ่งกำลังจะเดินขึ้นบันได หน้าตาหล่อคมเฉียบขาดพอๆ กับผู้พันวรุฒม์ ต่างกันตรงที่ใบหน้าขาวกว่าเห็นได้ชัด นายทหารคนนั้นชะงัก แล้วโบกมือให้ วรุฒม์โบกมือตอบ ส่วนอิศรานั้นส่งยิ้มกว้างให้ รู้สึกได้ทันทีว่าเห็นนายทหารหน้าขาวส่งรอยยิ้มพึงพอใจตอบกลับมา

...อะไรจะขนาดนั้น มาอยู่บ้านป่าบ้านดอยได้ไม่กี่วัน เจอเทพบุตรชุดเขียวเข้าให้ตั้งสองคน...

วรุฒม์จอดรถแล้วรีบเดินตรงไปยังอาคารสีขาว อิศราเห็นว่านายทหารคนใหม่นั้นมองเพื่อนและเขาสลับไปมา ในใจอยากจะเดินตามวรุฒม์ไปทันทีแล้วเข้าไปแนะนำตัวเอง

 “ว่าไงรุฒม์ ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน” พันตรีนายแพทย์วิษณุทักเพื่อน แล้วเหลือบตามองชายหนุ่มหน้าขาวที่นั่งอยู่ในรถของวรุฒม์

 “สบายที่สุด ตอนนี้เราไม่ค่อยมีอะไรทำแล้ว นี่ก็รอแต่พล ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่” วรุฒม์ตอบ

 “อิจฉาจริงๆ เราสิเหนื่อยแทบแย่ คนไข้ก็เยอะ” วิษณุถอนหายเบาๆ “อยู่ที่นี่ตั้งนาน ทหารก็ป่วยได้ป่วยดี เจอแต่ละคน ไม่อยากจะพูด ไม่มีอะไรสดชื่นให้มองเลย”

 “งั้นก็ย้ายเข้ากรุงเทพฯ สิ ไปทำงานที่โรงพยาบาลภูมิพลฯ จะได้มีอะไรเจริญหูเจริญตา” วรุฒม์ประชดยิ้มๆ อดหันไปมองตามสายตาของเพื่อนไม่ได้ เพราะวิษณุพูดกับเขา แต่ตามองเลยไหล่เขาไปยังด้านหลัง

 “ไม่ต้องแล้วล่ะ” วิษณุยักไหล่ ในใจอยากจะถามเพื่อนถึงคนที่นั่งอยู่ในรถนัก แต่ก็อดใจเอาไว้ได้

 “เรามาเอาของ ต้องรีบไปแล้ว เอาไว้คุยกันที่หลังนะ” วรุฒม์รีบเดินเข้าไปในประตูทางเข้า ครั้นพอเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็หันมาพูดกับเพื่อนว่า “ไว้มีโอกาสจะแนะนำให้รู้จัก”

วิษณุไม่ตอบ แต่กลับยิ้มกว้าง มองตามวรุฒม์ที่เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม

...แทบจะรอไม่ไหวแล้วเพื่อน อยากจะกระโดดลงบันไดไปแนะนำตัวเองเสียเดี๋ยวนี้...

 

อิศรานั่งรอวรุฒม์อย่างใจเย็นและสบายใจ ตามองซ้ายมองขวาดู “ประชากรชุดเขียว” เดินผ่านไปมาอย่างเพลิดเพลิน รู้สึกไม่เสียดายที่อุตส่าห์ ‘โกงโควต้าวันจีบหนุ่ม’ มาจากภีรวัส เขาได้อยู่กับวรุฒม์สองต่อสอง ได้ไปเยี่ยมบ้านพักของวรุฒม์ ได้เห็นทหารหนุ่มๆ แทบทุกวัยตั้งแต่หนุ่มน้อยจนถึงหนุ่มใหญ่ ได้พบนายทหารหล่อพอๆ กับวรุฒม์

...แค่ได้พบแค่นั้นหรือ แค่ได้มองอยู่ห่างๆ แค่ได้เห็นว่าฝ่ายนั้นส่งสายตาเจ้าชู้มาหาเขาในระยะหนึ่งหกสิบเมตรยังงั้นหรือ...

...ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ต้อง ‘รู้จัก’ ไม่ใช่แค่ ‘เห็น’ เดี๋ยวเสียชื่ออิศราหมด...

ไม่ถึงห้านาทีวรุฒม์ก็กลับมาที่รถแล้วพาอิศราไปที่บ้านพัก ถุงนอนและอุปกรณ์เดินป่าของวรุฒม์วางอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็ออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังหน้าค่ายทหาร วรุฒม์บอกว่าจะพาอิศราไปทานอาหารเพราะอิศราเผลอบ่นว่าหิว

...หิววรุฒม์ต่างหากล่ะ...

อิศราเผลอถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เดินเข้าไปในบ้านพักของวุฒม์และมองเห็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกเอาไว้บริเวณหน้าบ้านแล้วอุทานว่า ‘โอ้โห น่ากินจัง เห็นแล้วหิวขึ้นมาทันทีเลยครับ’

วรุฒม์บอกว่าพลทหารที่มาดูแลบ้านพักเป็นคนปลูกและบางครั้งก็ทำอาหารให้เขาทาน อิศราบอกว่าหากปลูกพืชผักสวนครัวแล้วมีอะไรพร้อมเพรียงขนาดนี้เขาก็จะทำอาหารทานทุกวัน

 ‘อยากทานเมื่อไหร่ก็ได้ทาน ผมจะทานทุกวันเลย เห็นแล้วรู้สึกหิว’ อิศราพูดไปหัวเราะไป ตามองต้นกล้วยหอมที่ออกผลดกเต็มเครือ วรุฒม์เลยชวนให้เขารีบออกจากบ้านเพื่อไปทานอาหาร ทั้งๆ ที่เขาอยากชวนนายทหารเข้าบ้านแล้วไม่ต้องออกมาอีก

 เมื่อกำลังจะผ่านอาคารสีขาวหลังใหญ่ที่พบกับเพื่อนของวรุฒม์ อิสราก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมาทันใด ในใจนึกถึงภีรวัส หากเพื่อนเขารู้ว่าเจอ ‘อีกคน’ ที่สุสีกับวรุฒม์ ภีรวัสคงชวนเขาเล่นเกม ‘แข่งกันจีบ’ แทนที่จะเล่น ‘แย่งกันจีบ’ อย่างที่กำลังทำอยู่

 แทบทุกครั้งที่เล่นเกมสนุก เขากับภีรวัสจะมี ‘เหยื่อ’ สองคนเสมอ เขากับเพื่อนจะตกลงกันว่าจะใช้เวลาเท่าใดที่จะทำให้เหยื่อตกหลุมรักและบอกรัก และเมื่อคนโชคร้ายคนนั้นสารภาพรักก็จะต้องมีหลักฐานไปแสดงให้คู่แข่งรู้ว่าชนะแล้ว หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ก็จะต้องทิ้ง และห้ามหวนกลับไปคบกันอีก

 “เกมบ้าๆ” ภีรวัสเคยบ่นเมื่อเล่นครั้งแรกๆ

 “เกมบ้าๆ แล้วแกแข่งทำไม” อิศราตอกกลับ

 “ก็ไม่อยากแพ้แกนี่นา” ภีรวัสให้เหตุผล

 ...วันที่ภีรวัสได้วรุฒม์ไปครอง เขาก็ต้องหง่าวอยู่คนเดียว เพื่อนของวรุฒม์นี่ล่ะจะเป็นตัวแทนแก้เหงาให้เราได้...

 อิศราคิดอย่างชั่วร้าย ตั้งใจจะว่าจะจีบนายทหารรูปหล่อคนนี้ลองดู เขาแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายนั้นสนใจเขาหรือไม่ แม้จะยืนอยู่ห่างกันขนาดนั้น เพื่อนของวรุฒม์ก็ส่งสายตาหวานๆ มาให้ นัยน์ตาวิบวับนั้นแสดงออกถึงความในใจอย่างชัดเจน

 “ไม่ชวนเพื่อนของผู้พันไปทานข้าวด้วยกันหรือครับ” อิศราหยั่งเชิง

 “ใครครับ” วรุฒม์เลิกคิ้ว แล้วนึกออกทันที “อ้อ วิษณุ เห็นกำลังรีบ ผมยังไม่ได้แนะนำให้รู้จัก วิษณุเป็นแพทย์ทหารครับ ย้ายมาอยู่นี่ได้หลายปีแล้ว”

 “ค่ายทหารมีคนเยอะจนต้องมีโรงพยาบาลเลยหรือครับ” อิศราถาม วรุฒม์จึงอธิบายเกี่ยวกับค่ายทหารให้ฟังอย่างคร่าวๆ อิศรารู้สึกเจ็บคอขึ้นมาทันใด จึงไอถี่ๆ จนวรุตม์หันมามองด้วยสายตาห่วงใย

 "ท่าทางจะแพ้อากาศ ผมว่าคุณอิศราไปพบหมอดีกว่านะครับ โชคดีวิษณุเข้าเวรพอดี"

 "ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ พอกลับถึงบ้านก็หาย" อิศราตอบ ตามมาด้วยการไอพอเป็นพิธี

 "หายนะหายแน่ แต่ผมว่าให้หมอดูก่อนดีกว่า ไม่ต้องเสียเงิน" วรุตม์เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าอาคาร อิศราแกล้งทำอิดออดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลงจากรถแต่ก็ยังยืนนิ่ง จนวรุฒม์แตะศอกของชายหนุ่มที่เกิดป่วยขึ้นมากระทันหันแล้วชี้มือไปยังอาคารที่อยู่ทางด้านซ้าย พยักหน้าให้อิศราเดินไปกับเขา

 "ผมกลัวถูกหมอฉีดยา ไม่ชอบถูกฉีดยา มันเจ็บ" อิศราทำหน้าเหมือนเด็กกลัวหมอ

 "อาการแค่นี้ไม่ถึงกับถูกฉีดยาหรอกครับ" วรุตม์ส่งยิ้มอ่อนโยน "มาเถอะ เดี๋ยวหมอจะกลับซะก่อน"

More Chapters