5 ตลอดเวลาที่เดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกดินภีรวัสทำตัวเป็นตุ๊กตา ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ แต่เขารู้ว่าวรุตม์แอบปรายตามองเขาบ่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าคงเอาชนะอิศราได้ ดังนั้น จึงปล่อยให้อิศราทำคะแนนเต็มที่ แม้แต่ตอนนั่งมองพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาภีรวัสก็เอาแต่นั่งนิ่ง
“ดื่มน้ำไหมภีร์ เห็นนั่งเงียบ คงคอแห้ง” อิศราอดแหย่เพื่อนไม่ได้
...แกนั่นล่ะควรดื่ม พูดอยู่ได้ไม่รู้จักเจ็บคอ...
ภีรวัสส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเอนตัวลงนอนหงาย มองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองเพราะดวงตะวันกำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ
“พระอาทิตย์สวยจังเลยนะครับผู้พัน สวยแบบนี้ไง ผมถึงได้รักและหลงไหลธรรมชาติจนอยากจะย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด”
ทันใด เสียงภีรวัสไอขึ้นมาดังๆ เป็นการขัดจังหวะ ซึ่งมีเพียงตัวเองและอิศราเท่านั้นที่เข้าใจ
...ไอสองครั้ง คือ ตอแหล
...ไอสามครั้ง คือ หมั่นใส้มาก
...ไอติดต่อกันหลายครั้งเป็นชุดๆ คือการด่าเป็นชุดๆ แบบที่คนฟังต้องปิดหู เพราะทนฟังไม่ได้
“เป็นอะไรหรือภีร์ อะไรติดคอ” อิศราหันหน้ามาทำตาห่วงใย “เสียดาย ลืมพกลูกอมมาให้ด้วย”
“คุณภีรวัสคงจะหนาว” วรุตม์หันมายิ้มให้บางๆ “เดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อที่รถมาให้นะครับ”
พูดเสร็จ นายทหารรูปหล่อคมเข้มก็ลุกขึ้นไปที่รถ ทิ้งให้สองหนุ่มจ้องตากันเขม็ง
“หนาวไหมอิศ คงไม่หรอกมั๊ง แต่เราหนาวจริงๆ เลยรู้หรือเปล่า หนาวจนผู้พันต้องไปเอาเสื้อมาคลุมให้ เสื้อทหารเท่ๆ ของคนเท่ๆ สวมแล้วคงรู้สึกเหมือนเจ้าของเสื้อโอบกอดเอาไว้” ภีรวัสล้อเลียน
“เดี๋ยวไอหนาวบ้าง” อิศราตอบหน้านิ่งๆ เม้มปาก
“เลียนแบบ” ภีรวัสยิ้มเยาะ
“คราวนี้ผู้พันจะใช้อ้อมแขนของจริงโอบกอดเราไว้ ไม่ใช่อ้อมแขนแบบ virtual แบบที่แกจะได้”
“ผู้พันวรุตม์โอบแกเมื่อไหร่ ปลุกขึ้นมาดูหน่อยนะ จะนอนรอซักหลายตื่น อยากดูเป็นบุญตาเหมือนกัน อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต”
“ไม่ต้องมาเหน็บแนมเลยนะพีวี ขอประกาศให้รู้เดี๋ยวนี้ว่า ผู้พันวรุฒน์เป็นของข้า” อิศราทำท่าหวง
“ยังก่อน ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ”
“ยังไงๆ ก็เป็นของอิศรา งานนี้อิศราชนะแน่ๆ”
ภีรวัสหัวเราะเยาะๆ ในลำคอแล้วถามอิศราที่มั่นอกมั่นใจนักหนาว่า “สมมุตินะอิศ สมมุติว่านายได้ผู้พันแล้ว จะทิ้งภายใน 1 อาทิตย์เหมือนเคยหรือเปล่า”
“อืม” อิศราทำท่าคิด แล้วหันมาถามเพื่อน “แล้วยูคิดว่าไง ควรจะคงไว้ซึ่งกฏเดิมหรือควรปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเป้าหมาย จะว่าไป ผู้พันก็เท่ ไม่เคยนึกเลยว่าหนุ่มต่างจังหวัดจะหล่อล่ำเร้าใจขนาดนี้”
...พันโทวรุฒม์ไม่ใช่หนุ่มต่างจังหวัด นามสกุลของวรุฒม์นั่นน่ะใหญ่ไม่ใช่เล่น อิศราไม่รู้อะไร...
“สองอาทิตย์ เมื่อเป้าหมายบอกรักแล้วมีเวลาเชยชมแค่สองอาทิตย์ แล้วต้องเลิกอย่างเด็ดขาด” ภีรวัสทวนกติกาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง
“แล้วอีกคนห้ามตลบหลังกลับไปยุ่งกับของที่ถูกทิ้งแล้ว เข้าใจ๋” อิศราเติม ยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้า เป็นท่าทางประกอบการตกลงกันกันด้วยคำพูดว่า ‘ห้ามแหกกฏเด็ดขาด’
ชายหนุ่มโชคร้ายผู้ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อลายพรางสีเขียวเข้มสองตัว วรุฒม์ยังไม่รู้ว่าขณะที่เขาเดินกลับเอาเสื้อที่รถ ตัวเองได้เป็นหัวข้อของการถกกันระหว่างอิศรากับภีรวัสและเป็น ‘เป้าหมาย’ ใหม่ของเกมสนุกที่สองคนนี้เล่นกันอยู่เป็นประจำ
“ผมเอามาเผื่อคุณอิศราด้วยครับ กลัวว่าจะหนาว” วรุฒม์ยิ้ม แล้วนั่งลงตรงกลางระหว่างทั้งสองหนุ่ม “แล้วนี่จะเริ่มงานกันเมื่อไหร่ครับ”
“ก็ทันทีที่พร้อมครับ” อิศราตอบคลุมๆ
เสียงไอดังขึ้นเบาๆ เป็นจังหวะสองครั้งติดต่อกัน เงียบไปสองอึดใจแล้วไออีกสองครั้ง อิศราปรายตาไปมองภีรวัสอย่างขวางๆ เพราะโดนด่า
...ไอ้โง่ งี่เง่า ซื่อบื้อ เฟอฟะ...คำใดคำหนึ่งจำนวนสี่ค่ำที่ภีรวัสด่าผ่านทางเสียงไอเพราะเขาตอบคำถามไม่ได้เรื่อง
“ไม่สบายหรือเปล่าครับ เห็นไอหลายครั้งแล้ว ผมรู้จักหมอคนนึง จะแนะนำให้” วรุฒม์ห่วงใย
“ไม่เป็นไรครับ แค่มีอะไรคันๆ สะกิดที่คอ เลยอดไอไม่ได้ ขอบคุณผู้พันที่เป็นห่วง กลับบ้านแล้วผมดื่มน้ำร้อนล้างสิ่งสกปรกออกไปก็คงหาย” ภีรวัสตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ
เสียงกระแอมดังขึ้นทางด้านซ้ายมือของนายทหารหนุ่ม เรียกร้องความสนใจให้วรุฒม์หันไปมอง
“คุณอิศราก็ดูท่าเจ็บคอเหมือนกัน สงสัยอากาศที่นี่ไม่เหมาะกับคนกรุงเทพฯ”
“เราคงเหมาะกับมลภาวะ เลยไม่มีภูมิต้านทานอากาศบริสุทธิ์” ภีรวัสพูดเล่นขันๆ ทำให้ผู้พันหนุ่มหัวเราะออกมา
...หล่อ เท่ เข้มบาดใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างๆ ยิ่งทำให้ใจแทบละลาย สมแล้วที่เป็นเป้าหมายระดับแพลตตินั่มของเขากับอิศรา...
อิศราเหยียบยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ค่อยจะรู้สึกขำกับมุขตลกของเพื่อน เขารู้ตัวดีว่าตัวเองฉลาดสู้ภีรวัสไม่ได้ บางทีพูดอะไรไม่ค่อยคิด หรือหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ค่อยได้เรื่อง
...ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นาจะให้ทำยังไง คนคิดยังไงก็พูดออกมายังงั้น ไม่ได้คิดวางแผนเหมือนภีรวัส รายนั้น ในหัวเต็มไปด้วยแผนการณ์ซับซ้อน...
“เราคอยคนนำทางอยู่ครับ จุดแรกที่ต้องเดินทางไปคือดอยหัวหมด”
“ดอยอะไรชื่อแปลกประหลาด” อิศราแทรก
“ไกลมากนะครับ ต้องพักค้างแรมกันด้วย อย่างน้อยก็ต้องค้างกันในป่าระหว่างเดินทาง สองคืนสามวัน” วรุฒม์เป็นห่วง
“นอนกันในป่านั่นเลยหรือ” อิศราเบ้ปาก สีหน้าไม่สู้ดี
“ก็ต้องนอนในป่าสิครับคุณอิศ เรามาทำวิจัยนะ ไม่ได้มาท่องเที่ยวเธค” ภีรวัสชะโงกหน้าไปคุยกับเพื่อน
“ไอเป็นช่างภาพ ไม่ใช่นักเดินป่า”
“ไหนว่าชอบธรรมชาติไง” ภีรวัสดักคอเพื่อน
...เอาอีกแล้ว ไอ้ผีลาวัด ชอบกระแนะกระแหนอีกแล้ว...
อิศราถอนหายใจแรงๆ ลืมวางมาดอวดวรุฒม์ไปชั่วขณะ
“มีลูกหาบหรือยังครับ” วรุฒม์ถาม
“ไม่ต้องใช้ครับ ตั้งใจจะแบกเป้กันไปเอง” ภีรวัสส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วแอบมองอิศรา
...เดี๋ยวเถอะ ไอ้ก้อนอิฐต้องโวยวายแน่...
“ภีร์ ไม่ได้คุยกันแบบนี้มาก่อนนี่นา” จริงดังคาด อิศราโวยวายขึ้นมาเบาๆ เพราะอยู่ต่อหน้าวรุฒม์ แต่หากคุยกับเพื่อนสองต่อสอง ป่านนี้ภีรวัสก็คงต้องยกมืออุดหูไปแล้ว
“ทำไม กลัวลำบากหรือไง” ภีรวัสท้วง
“เปล่า” อิศรารู้ตัวว่าโวยวายมากเกินไป อาจจะทำให้วรุฒม์รู้สึกว่าเขาสำอางจนทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียคะแนน “เราก็แค่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เดินป่ามาครบทุกอย่าง ภีร์จะบอกกันหน่อยก็ไม่ได้”
“ผมให้ยืม ผมมีอุปกรณ์เดินป่าครบทุกอย่างครับ” วรุฒม์เสนอความช่วยเหลือ
“ถุงนอนด้วยหรือเปล่าครับ” อิศราถามเสียงนุ่ม แต่พลันก็นึกได้ว่าไม่น่าถามเลย ทหารที่มีอุปกรณ์เดินป่าทุกอย่างก็ต้องมีถุงนอนอยู่แล้ว
...เดี๋ยวเถอะ ไอ้พีวีซีได้เหน็บแนมอีกแล้ว...
“อ้าว อิศไม่ได้เตรียมถุงนอนมาเลยหรือ อุปกรณ์เบสิกเลยนะนั่น” ภีรวัสพูดขึ้นมาทันที
...ไอ้พีวี คอยดูนะ รอให้อยู่กันตามลำพังก่อนเถอะ พ่อจะลุยให้เละเลยทีเดียวเชียว...
“กลัวหนาว” อิศรายักไหล่ แล้วหันมาพูดกับนนายทหาร “แล้วถุงนอนของทหารก็คงหนากว่าถุงนอนพลเรือนจริงไหมครับ คงอุ่นดี ผมเป็นคนขี้หนาว ต้องการความอบอุ่น”
...ถุงนอนพลเรือน พูดออกมาได้ ตัวเองเคยจับถุงนอนซักครั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่างอิศรานั่นหรือ เคยนอนแต่บนเตียงนุ่มๆ ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แล้วคลุมโปงด้วยผ้านวมหนาๆ...
“จะเอาอะไรบอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเอามาให้ พรุ่งนี้เลิกงานผมจะแวะ...”
“ผมไปเอาเองก็ได้ครับ” อิศรารีบแทรก
“จะไปเอายังไงอิศ รถก็ไม่มี” ภีรวัสขัดคอ วรุฒม์หัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับอิศราว่า “เลิกงานผมมารับก็ได้ครับ ไปเลือกได้เลยว่าจะเอาอะไรบ้าง ผมพักที่กรมทหารไม่ไกลจากคุณสองคนเท่าไหร่”
“งั้นภีร์รอเราอยู่ที่บ้านนะ ไปจัดการเรื่องคนนำทางให้เสร็จๆ ไป เราไปกับผู้พันไม่นานหรอก” อิศรารีบดักทาง บอกภีรวัสกลายๆ ว่า
...อย่าได้คิดแหยมเป็นเด็ดขาด อย่าได้คิดจะตามไปด้วย...
“อืม พรุ่งนี้มันวันอะไรน๊า” ภีรวัสเตือนความจำเพื่อน
“วันพุธครับ” วรุฒม์ตอบ
“วันไหนก็ช่าง เราไม่สน” อิศรายักไหล่
ภีรวัสยอมเงียบ ไม่ขัดคออิศราอีกต่อไป แค่นี้เพื่อนของเขาก็คิ้วผูกโบว์แล้ว เย็นนี้คงถูกด่าเสียยกใหญ่ ข้อหาทำลาย ‘ความน่าพึงพอใจ’ ของอิศราในสายตาของเป้าหมาย
...เป้าหมายที่ชื่อพันโทวรุฒม์ คนแรกที่เขาเห็นว่าอ่านยากที่สุดในบรรดาเหยื่อของเกมสนุก ‘หลอกให้รักแล้วทิ้ง’ ที่เขากับอิศราเล่นกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย นายทหารคนนี้เป็นคนแรกที่เขายังไม่กล้าทำนายตอนจบเหมือนที่เคยทำเสมอกับเหยื่อคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้...